"เสนาฯ"มองข้ามช็อตศึกษาแผนดัน 2 คอมมูนิตีมอลล์ ระดมทุนผ่านกองทุนอสังหาฯ หวังต่อยอดทางการเงิน เดินหน้าปรับปรุงบ้านเดี่ยวและสนามกอล์ฟใน จ.ชลบุรีรีโนเวตบ้านเก่า 40-50 หลัง เคาะขาย 3 ล้านบาทส่วนบ้านใหม่พัฒนาปลายปี 55 พร้อมเดินหน้าโครงการคอนโดฯบีโอเอ เปิด เดอะ คิทท์ลำลูกกา คลอง 2 ยันตลาดแข่งขันน้อย ทำแล้วขายง่าย
อินเด็กซ์ลิฟวิ่งมอลล์ พลิกยุทธศาสตร์บุกคอมมูนิตี้ มอลล์ ทุ่ม 5,000 ล้านบาท ปักธง ‘เดอะวอล์ค’ 5 แห่งใน 5 ปี
นายเอกลักษณ์ ปัทมสัตยาสนธิ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจองค์กร บริษัทอินเด็กซ์ลิฟวิ่งมอลล์ จำกัด เปิดเผยว่า ยุทธศาสตร์การลงทุนของอินเด็กซ์ จะใช้โมเดลธุรกิจคอมมูนิตี้มอลล์ ภายใต้ชื่อ “เดอะวอล์ค” ในการขยายเครือข่ายทั่วประเทศ ต่อยอดธุรกิจหลักอินเด็กซ์ลิฟวิ่งมอลล์ โดยตั้งเป้าหมายเปิดบริการเดอะวอล์ค คอมมูนิตี้มอลล์ 5 แห่งภายใน 5 ปีข้างหน้า ด้วยเม็ดเงินลงทุนกว่า 5,000 ล้านบาท โมเดลใหม่ครั้งนี้เป็นการต่อยอดธุรกิจของอินเด็กซ์ฯ เป็นการขยายฐานลูกค้าและเป็นช่องทางใหม่ๆ ในการสร้างรายได้ให้กับบริษัทซึ่งคาดว่าใน 5 ปีข้างหน้าจะสร้างสัดส่วนรายได้ประมาณ 10% ของกลุ่ม กลุ่มทุนอสังหาฯอินเดีย แตกไลน์ธุรกิจค้าปลีก-อาหาร หวังกระจายเสี่ยง เปิดคอมมูนิตี้มอลล์ "เรนฮิลล์" จับมือเปิดร้านอุด้ง "มารูกาเมะ เซเมง"
นายปรับ ทักราล กรรมการผู้จัดการ กลุ่มบริษัทบูทิค ดำเนินธุรกิจพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ประเภทเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ เปิดเผยว่า ได้ตัดสินใจขยายแตกไลน์ธุรกิจใหม่อีก 2 ธุรกิจคือธุรกิจค้าปลีกและธุรกิจอาหาร เพื่อขยายฐานธุรกิจและลดความเสี่ยงจากธุรกิจที่ดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน ทั้งนี้ในการลงทุนในกลุ่มธุรกิจค้าปลีก ได้เปิดคอมมูนิตี้มอลล์สาขาแรก “เรนฮิลล์” บนถนนสุขุมวิท 47 เมื่อ 19 ม.ค.ที่ผ่านมา บนพื้นที่ 2 ไร่ ตั้งเป้ามีผู้เข้าใช้บริการไม่ต่ำกว่า 5,000 คนต่อวัน และจะเพิ่มเป็น 7,000 คนต่อวัน “เป้าหมายของ เรนฮิลล์ เจาะตลาดกลุ่มชาวญี่ปุ่น และผู้ที่ทำงานอยู่ในละแวกนี้ ใช้คอนเซปต์สีเขียวเพื่อสิ่งแวดล้อม โดยลูกค้ายังสามารถนำสัตว์เลี้ยงเข้ามาในบริเวณได้” คอมมูนิตี้มอลล์โครงการต่อไปนั้น กำลังอยู่ระหว่างการเจรจาที่ดิน คาดว่าจะตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 6 ไร่ มีพื้นที่ทั้งหมดไม่ต่ำกว่า 38,000 ตารางเมตร และพื้นที่ให้เช่าไม่ต่ำกว่า 20,000 ตารางเมตร ภายใต้คอนเซปต์คล้ายกับเรนฮิลล์ ใช้งบประมาณก่อสร้างไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท หากขออนุญาตได้เร็ว จะเริ่มก่อสร้างได้ภายในปีนี้ และเปิดให้บริการได้ช่วงต้นปี 2558 สำหรับธุรกิจอาหาร ซึ่งกำลังเป็นเทรนด์ธุรกิจที่มีการเติบโตมากในประเทศไทย จากไลฟ์สไตล์การบริโภคที่เปลี่ยนไป ทางกลุ่มจึงได้ร่วมทุนกับ บริษัท เอ็ม.ที.อาร์. แอสเสท แมเนเจอร์ส จำกัด นำแบรนด์ ร้านอุด้ง “มารูกาเมะ เซเมง” ที่มีสาขามากที่สุดกว่า 600 สาขาในประเทศญี่ปุ่น มาเปิดให้บริการในประเทศไทย โดยได้เปิดให้บริการแล้ว 2 สาขา สาขาแรกที่เรนฮิลล์ และสาขาที่ 2 ที่บิ๊กซี ราชดำริ ทั้งนี้ ตั้งเป้าจะเปิดในปีนี้ 10 สาขา และเปิดให้ถึง 30 สาขาภายใน 3 ปี นอกจากนี้ ในปีหน้า ทางกลุ่มจะเริ่มบุกไปลงทุนในภูมิภาคอาเซียน เพื่อรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ในปี 2558 โดยจะเริ่มต้นจากการนำแบรนด์ธุรกิจอาหารเข้าไปลงทุนในสิงคโปร์ และมาเลเซีย รวมถึงอาจจะลงทุนในพม่าด้วย อย่างไรก็ดี สาเหตุที่เริ่มบุกจากธุรกิจอาหารก่อนนั้น เนื่องจากเป็นธุรกิจที่มีความเสี่ยงในการลงทุนน้อยกว่าธุรกิจอื่นที่กลุ่มทำอยู่ ทั้งนี้ ในปีนี้ทางกลุ่มตั้งเป้าจะมีรายได้จากธุรกิจทั้งหมดยกเว้นธุรกิจอาหารที่ 500 ล้านบาท และคาดว่าจะเติบโตขึ้นเฉลี่ยปีละ 20% ที่มา กรุงเทพธุรกิจ กรุงเทพฯ : ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บริษัท เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส จำกัด หรือ AREA เปิดเผยถึงการพัฒนาศูนย์การค้าในกรุงเทพมหานครของกลุ่มทุนจีนว่า โครงการ Yiwu International Trade City หรือ China City Complex มีมูลค่า 6,200 ล้านหยวน (28,415 ล้านบาท) โดยในส่วนของศูนย์การค้าจะจัดสร้างศูนย์การค้าส่งออกขนาด 500,000-700,000 ตารางเมตร มูลค่า 1,500 ล้านหยวน (6,875 ล้านบาท) สำหรับที่ตั้งของโครงการดังกล่าวจะอยู่บริเวณ ถ.บางนา-ตราด กม.9 ขนาดที่ดินประมาณ 64 ไร่ ซึ่งตามแผนจะมีร้านค้าถึง 10,000 ร้าน แบ่งเป็นส่วนที่ขายสินค้าไทย 30% และสินค้าจีน 70% เช่น เครื่องนุ่งห่ม เครื่องใช้ไฟฟ้า อัญมณีและเครื่องประดับ อะไหล่รถยนต์ ของแต่งบ้าน ของเล่น สินค้าไลฟ์สไตล์ อาหารและสินค้าแปรรูป เป็นต้น ทั้งนี้ จะเริ่มก่อสร้างในเดือนมีนาคม 2554 และเสร็จในไตรมาส 2 ปี 2555
“หากจีนพัฒนาศูนย์การค้าขนาดใหญ่เสร็จในปี 2555 จะเปลี่ยนโฉมตลาดค้าปลีกไทย อาจกลายเป็นแชมป์ตลาดค้าปลีกใหม่ และส่งผลให้ศูนย์การค้าย่านถนนบางนา-ตราดและใกล้เคียงซบเซาลงได้ เนื่องจากจะเกิดการแข่งขันกันอย่างรุนแรง ไม่ใช่ดึงดูดเฉพาะคนในพื้นที่ แต่ยังรวมถึงผู้บริโภคในพื้นที่อื่นอีกด้วย ดังนั้น ศูนย์การค้าท้องถิ่นในบริเวณใกล้เคียงจึงต้องเตรียมรับกับการแข่งขันที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่ถึง 2 ปีข้างหน้า หากศูนย์การค้าแห่งนี้สร้างเสร็จ” นอกจากนี้ในระยะที่ 2 ของการพัฒนายังจะมีการย้ายฐานการผลิตมายังประเทศไทย พื้นที่ย่านถนนบางนา-ตราดจะเป็นแหล่งสร้างเมืองของคนจีนตามมา ซึ่งจะมีพ่อค้าชาวจีนมาอาศัยอยู่ในพื้นที่นี้อีกเป็นจำนวนมาก อาจเป็นโอกาสดีที่การเคหะแห่งชาติจะขายบ้านเอื้ออาทรแบบยกชุดในโครงการใกล้เคียงให้กลายเป็นเมืองคนจีนเช่นที่ปรากฏในดูไบ และในกลุ่มพ่อค้าเหล่านี้ย่อมมีพ่อค้าระดับที่มีฐานะดีเข้ามา การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประเภทที่อยู่อาศัยราคาแพงก็อาจเกิดขึ้นได้ ทำให้พื้นที่นี้กลับมาคึกคักขึ้นอีกครั้งหนึ่งในอนาคตอันใกล้ “หากโครงการศูนย์การค้าจีนเกิดขึ้นได้ในย่านบางนา-ตราด แม้ในแง่หนึ่งจะเป็นการรุกทางเศรษฐกิจของจีนมาสู่ภูมิภาคนี้ แต่ทำให้กรุงเทพฯและพื้นที่บางนา-ตราดคึกคักขึ้นมาเป็นอย่างมาก แต่คู่แข่งศูนย์การค้าใกล้เคียงอาจประสบปัญหาหนักในการแข่งขันได้” ที่มา หนังสือพิมพ์โลกวันนี้ |
Authorข่าวสาร สาระน่ารู้ ที่น่าติดตามของตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทย |